ผิวพรรณและเลเซอร์
RF ยกกระชับ
RF (Radio Frequency) : คือ การรักษาด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง ในรูปแบบของคลื่นวิทยุซึ่งมีความถี่ในช่วงความถี่ 0.3 – 0.5 MHz (เมกะเฮริตซ์)ซึ่งถือเป็นช่วงความถี่ที่มีความปลอดภัย
RF ทำงานโดยการนวด พร้อมปล่อยพลังงานในช่วงคลื่นความถี่วิทยุ ในรูปของกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่สามารถผ่านทะลุผิวชั้นบนเพื่อไปเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังในชั้นที่ลึกลงไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการไหลเวียนของโลหิต น้ำเหลือง ของเหลวในร่างกาย และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากภายใน ทำให้อุณหภูมิในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 3° C- 5° C ซึ่งนับเป็นวิธีการที่ปลอดภัยสูง เพราะอุณหภูมิของร่างกายจะถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นแต่ไม่เกิน 42° C ซึ่งการทำ RFจะส่งผลให้ระบบโลหิตบริเวณที่ได้รับการรักษาดีขึ้น หลอดเลือดขยายตัว ช่วยให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดีขึ้น โดยมีการขับของเสียออกมาในรูปของเหงื่อและระบบน้ำเหลือง
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์
รายละเอียด
การทำงานของ RF โดย RF จะส่งผลต่อผิวหนังใน 3 ระดับ คือ
1. ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) คือ ผิวหนังชั้นบนสุด RF จะกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ที่ยังไม่หมดอายุของหนังกำพร้า จึงช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป ซึ่งส่งผลให้สิวสิวเสี้ยน ฝ้าและกระบางส่วนหลุดออกไปด้วย ทำให้รูขุมขนเล็กลง รอยแผลเป็นจากสิวทั้งรอยหลุม รอยดำ ตลอดจนริ้วรอยต่างๆ ลดเลือนลง ทำให้ผิวขาวใส เรียบเนียน ทั้งนี้ผิวหนังที่มีรอยย่น เช่น บริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว และเส้นพับที่คอ ก็สามารถทำให้ตื่นขึ้น
2. ชั้นหนังแท้ (Dermis) ผิวหนังชั้นถัดลงมา ซึ่ง RF จะไปทำการกระตุ้นคอลลาเจนที่มีมากบริเวณชั้นนี้ ให้สร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน ทำมห้ผิวตึงกระชับ ร่องหน้าผากตื่นขึ้น ถุงใต้ตาแบนลง ร่องแก้มตื้นชึ้น รูปหน้า คาง ใต้คาง เรียวและตึงกระชับ
3. ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) คลื่นวิทยุจะละลายไขมันในชั้นนี้ให้ดูดซึมผ่านระบบน้ำเหลืองใต้ผิวหนัง เป็นการลดไขมันดดยไม่ต้องผ่าตัด ดดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุน้อย ยังไม่มีการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อ จะเห็นว่ารูปหน้ากระชับ เรียวขึ้น หรือตามส่วนต่างๆของร่างกายก็จะกระชับขึ้น
ประโยชน์ของการทำ RF อย่างต่อเนื่อง
- ช่วยยกกระชับผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น ให้ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม ริ้วรอยระหว่างคิ้ว และรอยตีนกา ลดลง
- ผิวเรียบเนียนและกระชับขึ้น
- รูขุมขนเล็กลง
- ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณใต้ขากรรไกร และคาง ทำให้รูปหน้าชัดขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคลอลาเจนใหม่ส่งผลให้บริเวณที่ทำดูสดใสเปล่งปลั่งขึ้น และดูมีเลือดฝาด
- ช่วยเร่งให้เกิดการเผาผลาญของไขมันในร่างกาย กระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียออกมาในรูปของเหงื่อ และน้ำเหลือง
- ช่วยขจัดไขมันและเซลลูไลท์
- ผ่อนคลาย เนื่องจากขณะทำจะรู้สึกอุ่นบริเวณผิวหนัง
ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ต้องการทำ RF
- ก่อนทำ RF ควรหลีกเลี่ยงการทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทำมีการอักเสบ หรือบางลง เช่น การบีบสิว การสครับผิวทำความสะอาดใบหน้า โดนแดดจัดๆ
- ไม่แนะนำให้ทำในช่วงระหว่างมีรอบเดือน หรือก่อนหลังการมีรอบเดือน 3 วัน
- ผู้ที่สูญเสียความรู้สึก หรือการรับความรู้สึกบกพร่องหรือช้า
- ผู้ที่เป็นโรคไต ผู้ที่มีโรคที่เกิดจากระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด
- หญิงมีครรภ์ และหลังคลอดบุตร 6 เดือน
- ผู้ที่มีประวัติเป็นลมชัก
- ไม่แนะนำให้ทำในบริเวณที่มีการอักเสบ แผลถลอก หรือบริเวณที่เคยได้รับการผ่าตัดมาน้อยกว่า 6 เดือน หรือแผลผ่าตัดยังหายไม่สนิท
- ไม่แนะนำในผู้ที่เป็นฝ้า เพราะความร้อนจากเครื่องกระตุ้นการสร้างเมลานินได้
- ให้ถอดอุปกรณ์และเครื่องประดับที่เป็นโลหะก่อนทำทุกครั้งเพราะเป็นการรบกวนการส่งคลื่นได้
ข้อปฏิบัติหลังทำ RF
หลังจากการทำเสร็จทันทีผิวบริเวณนั้นจะเป็นสีชมพู หรือแดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเกิดการขยายตัวของหลอดเลือดที่มาหล่อเลี้ยงผิวบริเวณนั้น ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปได้เอง หลังจากนั้นจะรู้สึกว่าผิวเต่งตึงขึ้น
หลังทำการรักษาภายใน 24ชั่วโมง ควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ เฉลี่ย 3 –4 ลิตร เพื่อให้ของเสียที่คั่งค้างสะสมอยู่ในร่างกายถูกกำจัดออกให้เร็วที่สุด และในวันถัดไปให้ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
ความถี่ของการทำ RF
สามารถเข้ารับบริการได้สัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง อย่างต่อเนื่องจนครบ 10-15 ครั้ง โดยการทำแต่ละครั้งใช้เวลาตามพื้นที่ผิว นาน 10-60 นาที