ศัลยกรรม

           การศัลยกรรมเสริมสะโพก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับบั้นท้าย เช่น ไม่มีก้น หรือหย่อนคล้อย   ซึ่งการเสริมสะโพกจะช่วยให้ได้รูปทรงที่สวยงามและยังช่วยยกกระชับส่วนที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงขึ้นอีกด้วย ทำให้เวลาสวมใส่กระโปรงหรือกางเกงดูเข้ารูปเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชัดเจน เพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้น

           การเสริมสะโพกกับทางเจเนเชีย ใช้วิธีการเสริมโดยใช้ซิลิโคนเป็นประเภทเดียวกับที่ใช้ในการเสริมหน้าอก แต่มีลักษณะและรูปร่างไม่เหมือนกันเพราะให้ผลลัพธ์ถาวร มีความปลอดภัยสูงและได้รับความนิยมมากที่สุด

ขั้นตอนการผ่าตัด

1. แพทย์จะทำการวางยาสลบและคว่ำหน้าคนไข้

2. แพทย์จะเปิดแผลที่กึ่งกลางสะโพกบริเวณด้านหลังประมาณ 5 – 7 ซ.ม.

3. เปิดช่องว่างในกล้ามเนื้อสะโพกให้มีขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับถุงซิลิโคน

4. ใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปตามตำแหน่งที่ต้องการ

5. ใส่สายระบายน้ำเหลือง

6. เย็บปิดกล้ามเนื้อและชั้นใต้ผิวหนัง

7. ถ้าต้องดูดไขมันหรือฉีดไขมันร่วมด้วย จะทำหลังเย็บแผลเรียบร้อยแล้ว

8. ในบางรายที่สะโพกมีการคล้อยมากอาจต้องทำการยกกระชับร่วมด้วย หรือในบางคนที่มีผิวหนังย้อยที่ขอบล่างของก้น อาจต้องตัดผิวหนังส่วนเกินออกแล้วค่อยเย็บปิดแผล

9. ปิดแผลด้วยผ้ายืดปิดแผล ในกรณีที่มีการดูดไขมันอาจต้องใส่ชุดสำหรับการดูดไขมัน แผลที่เย็บจะอยู่ในง่ามก้น ยากแก่การสังเกตเห็น

10. หลังการผ่าตัดมักต้องใส่สายสวนปัสสาวะ จะได้ไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ

การดูแลหลังผ่าตัด

1. คนไข้ต้องนอนพักในโรงพยาบาลประมาณ 2 คืน เพื่อใส่ท่อระบายเลือดและสังเกตอาการโดยรวม

2. สัปดาห์แรกควรพักผ่อนมากๆ แต่ไม่จำเป็นต้องนอนบนเตียงตลอดเวลา โดยทั่วไปในวันที่ 3-4 คนไข้สามารถเดินหรือนั่งอย่างช้าๆ โดยอาจรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง

3. นอนคว่ำในช่วงสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ห้ามนอนหงายเพราะจะเป็นการกดทับถุงซิลิโคน

4. หลังจากเปิดแผล ควรทำความสะอาดแผลทุกวันจนถึงวันตัดไหม

5. เปิดผ้าพันแผลวันที่ 2 หรือ 3

6. อย่าให้พลาสเตอร์ปิดแผลเปียกน้ำ

7. สัปดาห์ที่สองสามารถนั่งบนเบาะนิ่มๆ ได้

8. หลังผ่าตัดประมาณ 10 วัน จึงจะสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

9. อาการปวดบริเวณสะโพกอาจเกิดขึ้นได้ใน 1-3 เดือนแรก

10. จะไม่รู้สึกมีสิ่งแปลกปลอมที่สะโพกภายใน 6-8 เดือน

11. ใส่กางเกงรัดไว้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ กางเกงนี้เปรียบเสมือนตัวควบคุมตำแหน่งซิลิโคนไม่ให้เคลื่อนที่