ศัลยกรรม
เสริมหน้าอก
ปัจจุบันการเสริมหน้าอก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกอันดับต้นๆของผู้หญิง เพราะผู้หญิงหันมาดูแลรูปร่างตัวเองกันมากขึ้น การศัลยกรรมหน้าอกสามารถช่วยให้รูปร่างได้สัดส่วนที่ชัดเจนและง่ายต่อการแต่งตัว ซิลิโคนเสริมหน้าอก วิธีการการวางตัวซิลิโคน คุณภาพซิลิโคน วิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอก การเลือกศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ที่ท่านควรศึกษา การดูแลรักษาหลังผ่าตัด สิ่งจำเป็นต่างๆที่ท่านควรศึกษาก่อนตัดสินใจ ทั้งหมดนี้สามารถหาคำตอบได้ที่เรา
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์
รายละเอียด
ซิลิโคนเสริมหน้าอก มี 2 ทรง
1.รูปทรงกลม (Round Implant) เป็นตัวซิลิโคนมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม มีความนิ่ม ขอบของซิลิโคนโค้งมนสวยเข้ารูป ทำให้เต้านมดูเป็นธรรมชาติ ทรงหยดน้ำมีขนาดให้เลือกหลายขนาด
2.รูปทรงหยดน้ำ (Shaped Implants) เป็นตัวซิลิโคนที่มีลักษณะเป็นรูปทรงคล้ายหยดน้ำ ส่วนบนจะแบบ และส่วนล่างจะป่อง เพื่อเลียนแบบเต้านมตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกเดิมไม่คล้อยมาก
การวางตัว สามารถวางได้ 2 แบบ
1.การวางซิลิโคนแบบเหนือกล้ามเนื้อ
เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกเดิมอยู่แล้ว และมีหน้าอกที่หย่อนคล้อย ซึ่งการมีเนื้อหน้าอกเดิมจะสามารถช่วยให้ใส่ซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่ได้
การวางซิลิโคนแบบเหนือกล้ามเนื้อ มีข้อเสียคือ สำหรับผู้ที่มีผิวบางมีโอกาสคลำพบตัวซิลิโคนได้สูง และมีโอกาสเกิดผังผืดได้มากกว่าการวางซิลิโคนแบบใต้กล้ามเนื้อ
2.การวางซิลิโคนแบบใต้กล้ามเนื้อ
เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกเดิมน้อย เพราะการวางแบบใต้กล้ามเนื้อจะช่วยหนุนตัวซิลิโคนให้หน้าอกดูนูนขึ้น และการวางซิลิโคนแบบใต้กล้ามเนื้อจะมีโอกาสคลำพบตัวซิลิโคนได้น้อยกว่า ดูเป็นธรรมชาติมาก และมีโอกาสการเกิดผังผืดน้อยกว่าการใส่แบบเหนือกล้ามเนื้อ
ยี่ห้อซิลิโคน ของทาง Janasia Plastic Surgery
การเลือกใช้ซิลิโคนของทาง Janasia Plastic Surgery จะเป็นซิลิโคนแบบเนื้อเจล (Cohesive gel) ซิลิโคนแบบนี้บีบไม่แตก ซึ่งจะช่วยป้องกันการรั่วไหลได้ และยังมีความยืดหยุ่นสูง ซิลิโคนที่เลือกใช้จะมีมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบขององค์การอาหารและยาทั้งของอเมริกาและไทย ซึ่งมีความปลอดภัยและมีมาตรฐานที่ดี
Motiva
เป็นซิลิโคนผิวเรียบ Nano texture ซิลิโคนเสริมหน้าอกยอดนิยมที่สุดในตอนนี้ ซึ่งลดการเกิด capsular contracture (พังผืด) รับประกันการเกิดพังผืด 10 ปี (เกรด 3) shell จะมีทั้งหมด 6 ชั้น เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น shell 3 ชั้น ยืดหยุ่นได้ดี และคงทนสัมผัสนิ่มเป็นธรรมชาติ เคลื่อนไหวเหมือนหน้าอกจริง
Mentor
เป็นซิลิโคนผิวทรายที่มีคุณภาพสูง ซึ่งได้รับความนิยมมามากกว่า 20 ปี มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับได้รับมาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย.สหรัฐอเมริกา (US FDA) ปัจจุบัน Mentor มีการพัฒนาให้มีความปลอดภัยสูงในเรื่องการแตกการซึม ผิวสัมผัสจะหนากว่าซิลิโคน Natrelle
Sebbin
เป็นซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ของประเทศฝรั่งเศส ผ่านการรับรองจากสำนักงานความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ประเทศฝรั่งเศสโรงงานได้มาตรฐาน ISO 9001 และ 13485 ผิวสัมผัสของ Sebbin จะนิ่มและมีราคาต่ำกว่าซิลิโคนตัวอื่น
Euro
เป็นซิลิโคนอีกตัวนึงของประเทศฝรั่งเศส มีมาตรฐานได้รับการรับรอง เป็นอีกหนึงตัวเลือกสำหรับผู้ที่สนใจซิลิโคนจากฝรั่งเศส
วิธีการผ่าตัดเสิรมหน้าอก มี 2 วิธี
1.ผ่าบริเวณรักแร้ (Transaxillary Incision)
การผ่าตัดบริเวณรักแร้มีข้อดี คือ สามารถซ่อนร้อยแผลได้ดี นานวันแผลจะเป็นเพียงเส้นเล็กๆที่มีธรรมชาติบริเวณรักแร้ การผ่าตัดบริเวณรักแร้เหมาะกับถุงนมทรงกลมเพียงเท่านั้น ข้อเสียของวิธีนี้คือคนไข้จะพื้นตัวชากว่าวิธีผ่าใต้บริเวณราวนม
2.ผ่าบริเวณใต้ราวนม (Inframammary Incision)
การผ่าตัดบริเวณราวนม เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะแผลจะหลบอยู่ใต้บริเวณราวนม แผลจะยาวประมาณ 3- 4 เซนติเมตร
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมหน้าอก
1. วิสัญญีจะใช้ยาสลบในการผ่าตัดเพื่อลดอาการเจ็บและเพื่อความสะดวกในการผ่าตัด
2. แพทย์จะผ่าตัดเปิดแผลบริเวณรักแร้หรือใต้ราวนมตามที่ตกลงกับคนไข้ไว้ ความยาวของแผลประมาณ 3-4 เซนนติเมตร
3. แพทย์จะทำการแหวกเนื้อบริเวณเต้านมและกล้ามเนื้อแผงหน้าอกให้แยกออกจากกันเป็นช่องกว้างพอที่จะใส่ซิลิโคนได้
4. แพทย์จะค่อยๆ ใส่ซิลิโคนเข้าไปทีละนิดจนหมด เมื่อจัดรูปทรงเข้าที่แล้วเย็บปิดแผลด้วยไหม
5. ไหมที่ใช้ จะเป็นไหมละลาย ซึ่งใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
1. หลังผ่าตัดจะมีอาการปวดระบมที่หน้าอกและรักแร้ ประมาณ 3-7 วัน หลังจากนั้นจะค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ
2. หลังจากผ่าตัดจะได้รับยาแก้ปวด แก้อักเสป ลดบวม ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนหมดเพื่อป้องกันการอักเสบและติดเชื้อ
3. แพทย์จะนัดกลับมาตรวจ 7 วันหลังผ่าตัด เพื่อถอดผ้าพันหน้าอก ดูแผล และเช็คทรงของหน้าอก
4. แพทย์จะสอนวิธีนวดหน้าอก แนะนำให้เริ่มนวดได้หลังจากผ่าตัดไปแล้ว 2 สัปดาห์
5. หลังผ่าตัดสามารถทำงานเบาๆได้ในสัปดาห์แรกหลังผ่า สามารถทำงานและออกกำลังกายได้เต็มที่หลังการผ่าตัด 2 เดือน
6. ไหมที่ใช้เป็นไหมละลาย ไม่ต้องตัดไหม (ไหมจะละลายประมาณ 2 สัปดาห์ - 1 เดือน )
7. ถ้าผ่าตัดบริเวณรักแร้ สามารถใช้โรลออน หรือ สเปรย์บริเวณรักแร้ หลังผ่าตัด 1 เดือน
8. ถ้ามีอาการตึง เป็นเหมือนเส้นเอ็นหรือมีก้อนเป็นไตบริเวณใต้รักแร้หรือแขน ให้ใช้นิ้วโป้งกดบริเวณที่ตึง นวดคลึงได้เพื่อให้คลายตัว กดค้างไว้ นับ1-10 แล้วปล่อย ทำอย่างเสมอจะทำให้ผังผืดใต้รักแร้คลายตัวและสามารถชูแขนได้ตามปกติ
** หลังผ่าตัดหากมีอาการชา ไม่ต้องตกใจ อาการชาจะเกิดได้ในบางท่าน ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อและสภาพผิวมีการช้ำจากการผ่าตัด แต่อาการนี้จะเป็นปกติเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 3-6 เดือน และอาการเจ็บจี๊ดหรือแปลบเกิดขึ้น เป็นอาการปกติ**